เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เว็บไซต์อาหารการกินชื่อดังอย่าง TasteAtlasเผยว่า เมนูชาไทยเย็นจากประเทศไทย ติดอันดับเครื่องดื่ม (ไม่มีแอลกอฮอล์) ที่อร่อยที่สุด เป็นอันดับ 7 เลยทีเดียว ในประเทศไทยเอง ชาไทยก็จัดเป็นเมนูที่ฮิตตลอดกาลจนกลายเป็นกระแสชาไทยฟีเวอร์ สามารถนำชาไทยไปพัฒนาเป็นไอศกรีม เป็นสังขยารสชาไทย และนำไปทำเป็นบิงซู น้ำแข็งไส กินกับขนมปังก็ยังอร่อยได้อีก ร้านไหนมีเมนูชาไทยอร่อย ๆ ก็เรียกลูกค้าได้อย่างล้นหลาม
มาดูกันว่า กว่าจะมาเป็นเมนูยอดฮิตนี้ มีที่มาอย่างไรบ้าง
‘ชา’ มาจากไหน
จากประวัติศาสตร์ มีการค้นพบว่า “ประเทศจีน” มีการปลูกต้นชาไว้ตั้งแต่เมื่อ 6,000 ปีก่อน แต่ก่อนหน้านั้น คนจีนใช้ใบชาเพื่อประกอบอาหารเท่านั้น จนในสมัยราชวงศ์ฮั่น จึงเริ่มมีหลักฐานเกี่ยวกับการต้มชาเกิดขึ้น
การค้นพบวิธีในการต้มชานั้น นำไปสู่วัฒนธรรมการดื่มชาอันเป็นเอกลักษณ์ของคนจีน ก่อนที่จะแพร่กระจายไปทั่วเอเชียตะวันออก ทั้งเกาหลี ญี่ปุ่น และเวียดนาม
คนไทยเริ่มดื่มชาตอนไหน
คาดว่าคนไทยเริ่มดื่มชากันตั้งแต่มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับประเทศจีน ในสมัยกรุงสุโขทัย โดยจดหมายเหตุของท่านลาลูแบร์ในปี พ.ศคำพูดจาก เว็บสล็อตเว็บตรง. 2230 ในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พูดถึงการดื่มชาในสยามประเทศ โดยมีเฉพาะในเมืองหลวงเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ช่วงนั้นคนไทยก็เริ่มดื่มชากันแล้ว และยังชอบชงน้ำชาไว้รับแขกอีกด้วย
กว่าจะมาเป็น ‘ชาไทย’
กว่าจะมาเป็นชาสีส้มน่ากินแบบที่เราเห็นกัน ส่วนหนึ่งต้องใช้วัตถุดิบจากใบชาซีลอน ประเทศศรีลังกา แล้วจึงนำมาแต่งกลิ่น แต่งสี และเพิ่มรสชาติหวานมัน ให้ถูกปากคนไทย โดยในปัจจุบัน ใบชาหาได้ง่าย ๆ เพราะมีปลูกในภาคเหนือของไทยแล้ว
นอกจากนี้ เมนูชาไทย ยังมีการใส่นม และน้ำตาลลงไปด้วย ในประเด็นนี้ เชื่อว่าเราได้รับอิทธิพลมาจากประเทศอินเดีย เพราะในยุคนั้นประเทศไทยเองก็มีการติดต่อค้าขายเครื่องเทศกับประเทศอินเดียเช่นกัน โดยสมัยนั้นเรียกว่า ‘Tea Latte’ ก่อนจะนิยมเมนูชาใส่นมกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปี พ.ศ.2436 จนกระทั่งช่วงปลายรัชกาลที่ 6 จึงเริ่มมีร้านกาแฟโบราณเพิ่มมากขึ้นในพระนคร ทำให้คนรู้จักชาชนิดนี้กันมากขึ้น
โดยที่มาของชื่อ ‘ชาไทย’ นั้น ถูกตั้งชื่อมาจากชาวต่างชาติ เพราะเห็นว่าเป็นชาที่เป็นเอกลักษณ์ และหากินได้แค่ในประเทศไทยเท่านั้น
อร่อยได้ แต่ต้องระวังด้วย
อย่างที่เรารู้กันไปแล้วว่ากว่าจะมาเป็นชาไทย ต้องใส่ทั้งนม ทั้งน้ำตาล นั่นทำให้ชาไทยมีปริมาณแคลอรีถึง 320 กิโลแคลอรี หากกินในปริมาณมาก อาจทำให้เกิดความเสี่ยงโรค NCDs หรือโรคจากพฤติกรรมทำเอง เช่น เบาหวาน หลอดเลือดสมองและหัวใจ ถุงลมโป่งพอง มะเร็ง ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และโรคอ้วนลงพุง
แต่เพราะเมนูชาไทยนั้นอร่อยติดอันดับโลก จนแทบอดใจไม่ไหว ยังไงก็อย่าลืมสั่งหวานน้อย น้ำตาลไม่เกิน 2 ช้อนชากันด้วยนะ หวานน้อยลงหน่อย แต่รับรองอร่อยเหมือนเดิม
ขอบคุณข้อมูลจาก: silpa-mag.com, Nature Combucha, The Asian Parent, Urban Creature